วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

กลุ่มเปราะบางได้รับเงินแล้ว








นายกฯกดปุ่ม แจกเงินหมื่น เฟสแรก วันแรกให้กลุ่มเปราะบาง“ผู้ถือบัตรคนจน-คนพิการ”14.5 ล้านคน ย้ำสร้างพายุหมุนระลอกใหญ่ครั้งแรก ย้ำสโลแกน “คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ยันเดินหน้าเฟส 2 ต่อไปแน่วิดีโอคอลคุยชาวบ้าน ปลื้มเงินถึงมือแล้วและปชช.ดีใจ ขณะ‘จุลพันธ์’เผย7ชั่วโมงครึ่งโอนแล้ว 3.16ล้านคน รอบ2พรุ่งนี้ 20 กันยา อีก 4.51ล้านคน ประสาน มท.จับตาเจ้าหนี้ไปกดดันหน้าตู้เอทีเอ็ม ขณะที่บรรยากาศหน้าแบงก์รัฐทั่วปท.คึกคัก กลุ่มเปราะบางแห่รอคิวแน่นเพื่อเช็คยอด–ถอนเงินมาใช้จ่าย ดีใจรบ.ไม่ทอดทิ้ง เงินจำนวนนี้ลดภาระได้มาก

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ (Kick Off) โอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ คนละ 10,000 บาทเป็นวันแรก


นายกฯคิกออฟแจก1หมื่นวันแรก

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังนานหลายปี และปีนี้ยังเจอปัญหาอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองและไม่สามารถเพิ่มการลงทุนได้ เราจะเห็นได้ชัดเงินจากระบบหายไป ตอนนี้เงินหมุนเวียนถือว่าแทบเป็นสิ่งหายาก เงินไม่หมุนเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้การลงทุนน้อยลง อุตสาหกรรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย การลงทุนต่างๆก็น้อยลงมาก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกลุ่มคนที่รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย รวมไปถึงผู้พิการ

ดังนั้น นโยบายที่รัฐบาลเน้นย้ำการทำงานที่ผ่านมาคือ นโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ มีหลายนโยบายที่ออกไปแล้ว เช่น นโยบายพักหนี้เกษตรกร ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออกไป แล้วและทำเป็นปีที่ 2 ไม่ว่าเป็นการลดดอกเบี้ย หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการท่องเที่ยว

ยันเงิน1.45แสนล.สร้างพายุหมุนลูกแรก

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า วันนี้ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ โดยเงินสดจะถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552 ล้านบาท เป็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์แท้จริง แน่นอนเงินก้อนนี้จะต่อลมหายใจให้ประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะถึงมือประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน แบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.40 ล้านคน และกลุ่มคนพิการ 2.15 ล้านคน ทุกคนจะได้รับเงินสด 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผ่านช่องทางการรับดอกเบี้ยเดิมของผู้พิการ ไม่ว่าจะเคยผ่านบัญชีธนาคารหรือเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะได้รับเงินในวิธีการเดิม ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่มีเงื่อนไขใดๆ เมื่อถึงมือประชาชนแล้วสามารถใช้จ่ายได้ทันที โดยเราจะทยอยโอนเงิน 4 วันเริ่มตั้งแต่วันนี้จนครบ 14.55 ล้านคน

ย้ำสโลแกนทำให้มีกินมีใช้มีเกียรติฯ

“นโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสเศรษฐกิจ สร้างความหวัง และนำคุณภาพชีวิตที่ดีมาให้ประชาชน ทำให้มีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี อย่างที่เคยกล่าวไว้ เงิน 10,000 บาทจำนวนนี้จะสามารถสร้างโอกาสสร้างชีวิตใหม่ให้ประชาชนได้ และรัฐบาลเชื่อมั่นในศักยภาพประชาชนว่าจะใช้เงินนี้อย่างมีประโยชน์ หรือบางครอบครัวที่ได้มากกว่า 1 คนก็สามารถนำเงินหมื่นมารวมกันได้ เพื่อต่อยอดหรือสร้างธุรกิจ สร้างโอกาสใหม่ๆให้ตัวเองและครอบครัวได้ เชื่อมั่นว่าประชาชนจะสามารถใช้เงินนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอย้ำว่านโยบายนี้เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีตามมาอีกมากมาย”น.ส.แพทองธาร กล่าว

ลั่นเดินหน้าแจก1หมื่นเฟส2ต่อ

และว่า สิ่งที่ทุกคนรอคอยและถามถึงรัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อ เพื่อจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้คนไทยด้วย เพื่อจะได้เป็น Digital ID เป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลและประชาชน จะทำให้ธุรกรรมที่ประชาชนทำเกิดความสะดวกรวดเร็วขึ้น เชื่อมกับรัฐได้ง่าย โปร่งใส ตรวจสอบได้ง่ายมากขึ้น เป็นการวางรากฐาน ซึ่งเรากำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ อนาคต จะใช้เรื่องของการเยียวยาที่รัฐสามารถโอนตรงสู่ประชาชนได้ เป็นสิ่งที่วางเศรษฐกิจดิจิทัลไว้เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกสบายมากขึ้น ได้รับการรับค่าเยียวยาต่างๆจากรัฐบาลได้ง่ายขึ้น สร้างความเท่าเทียมด้านโอกาส หวังว่านโยบายต่างๆของรัฐบาลจะฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีเหมือนเดิม

วิดีโอคอลคุยปชช.ปลื้มชาวบ้านได้เงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากนั้นได้มีการเปิดวิดีโอของประชาชนบางส่วนที่ได้รับเงิน ต่างขอบคุณรัฐบาล และระบุจะนำเงินไปใช้อุปโภคบริโภคในครอบครัว บางส่วนนำไปใช้ประกอบอาชีพ และทำการเกษตร นอกจากนี้ นายกฯยังวิดีโอคอลสดพูดคุยกับประชาชนจากทางบ้านที่ได้รับเงิน 10,000 บาท รายแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายกฯสอบถามว่า ได้รับเงินหรือยังและจะนำไปใช้อะไร รัฐบาลดีใจที่ได้มอบเงินให้ ขอให้มีความสุขมากๆ ขณะที่ประชาชนขอบคุณนายกฯและรับปากจะนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน

ส่วนอีกรายเป็นชายผู้พิการจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนายกฯสอบถามว่า ได้รับเงินตอนกี่โมง ชายคนดังกล่าวเผยว่า เวลา 03.15 น. นายกฯจึงกล่าวกับรัฐมนตรีที่ร่วมงานว่า “ตีสามสิบห้า เลขเด็ดหรือเปล่า” ก่อนจะถามต่อว่า”ดีใจไหม รัฐบาลดีใจนะ แล้วจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง” โดยประชาชนตอบว่า จะเอาไปใช้ซื้อของจำเป็นของคนพิการ พวกแพมเพิส ข้าวสารอาหารแห้ง นายกฯจึงบอกว่า ดีนะ 10,000 บาทซื้อได้เยอะเลย ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ชายคนดังกล่าวได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลและนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ช่วยเหลือ

วันแรก7ชม.ครึ่งโอนแล้ว3.16ล.คน

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังเปิดเผยถึงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการว่า ยอดโอนเงินเข้าบัญชีวันแรก 3,167,565 ราย เริ่มโอนตั้งแต่ เวลา 00.00-07.30 น.วันที่ 25 กันยายน วันนี้นอกจากเป็นการโอนเงินให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการแล้ว ยังมีการโอนเงินเดือนข้าราชการด้วย จึงทำให้ล่าช้าไปบ้าง ส่วนขั้นตอนตรวจสอบสิทธิสามารถตรวจผ่านแอปพลิเคชัน “รัฐจ่าย” ซึ่งตรวจสอบสิทธิได้หลายประเภท อาทิ กลุ่มคนพิการ กลุ่มสวัสดิการ เป็นต้น กระบวนการตรวจสอบไม่ได้มีปัญหาแอปพลิเคชันยังเดินหน้า หากประชาชนไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ก็จะได้รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจรอบถัดไป

เฟสแรกวันที่2จ่ายอีก4.51ล้านคน

“กลุ่มสวัสดิการที่ต้องผูกพร้อมเพย์ยังมีบางส่วนตกหล่น ขอให้ไปดำเนินการให้เรียบร้อย ส่วนในกลุ่มผู้พิการยังมีอีกประมาณ 9 หมื่นกว่าราย ที่ต้องไปแก้ไข เนื่องจากบัตรหมดอายุ บัตรผิดพลาด และยังมีผู้ที่ยังไม่เชื่อมต่อช่องทางการจ่ายเงินอีกประมาณ 1 หมื่นราย ต้องไปสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงหรือไปแจ้งปัญหาที่ว่าการอำเภอตามภูมิลำเยาของตนเอง” นายจุลพันธ์ กล่าว และว่า กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมาย ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 1-3 วันที่ 26 กันยายน 4.51 ล้านคน ทั้งนี้ หากจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จครั้งแรก จะจ่ายเงินซ้ำ ให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน และครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม เมื่อพ้นกำหนดจ่ายเงินซ้ำครั้งที่ 3 แล้วจะยุติจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมาย ถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ

ฝากมท.สกัดเจ้าหนี้ดักรอหน้าตู้ATM

ส่วนกรณีที่มีการรายงานว่า เจ้าหนี้นอกระบบได้ไปกดดันหรือประกบผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท หน้าตู้เอทีเอ็มเพื่อให้กดเงินมาใช้หนี้ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจ นายจุลพันธุ์ ตอบว่าเรื่องนี้อยู่ในอำนาจการดูแลของกระทรวงมหาดไทยจะประสานกระทรวงมหาดไทยให้ลงไปดูแลและตรวจสอบไม่ให้เจ้าหนี้มารบกวนเงินของกลุ่มเปราะบาง ส่วนอีกปัญหาที่พบ ประชาชนเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ พบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหมดอายุต้องไปต่ออายุนั้นก่อนถึงจะได้รับสิทธิ์นั้น อายุของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีอายุ 2 ปี หากหมดอายุจะต่ออายุให้อีกทุก 2 ปี ซึ่งมีการสำรวจ ส่วนใครที่มีบัตรอยู่แล้วในปัจจุบันแต่ระบบแจ้งว่าหมดอายุให้ไปติดต่อที่ว่าการอำเภอ ส่วนประชาชนรายใดมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในหลายปีที่ผ่านมา แล้วมาตรวจสอบสิทธิ์ระบบขึ้นว่าหมดอายุและไม่ได้รับเงินจากรัฐ นั้นหมายความว่า ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับสิทธิ์ในรอบแรก

เตือนกลุ่มเปราะบางระวังแก็งคอลฯ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝากถึงกลุ่มเปราะบางที่เริ่มได้รับเงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการว่า เมื่อได้รับเงินแล้ว ให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง อย่าไปหลงเชื่อ เพราะวันนี้เงินเริ่มออกไปแล้ว และหลายคนก็เริ่มได้รับเงินแล้ว

ธ.ก.ส.โอนวันแรก1.26ล.บช.ราบรื่น

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า ธนาคารเพิ่มการสำรองเงินสด เข้าระบบสาขารวมทั้ง ตู้ ATM ทั่วประเทศ โดยเฉพาะสาขาสำนักงานใหญ่อีกร้อยละ 10 จากปกติ เพื่อรองรับความต้องการประชาชน หลังจากวันนี้ได้โอนเงินหนึ่งหมื่นบาทให้ผู้ได้รับสิทธิที่ผูกพร้อมเพย์กับบัญชีของ ธ.ก.ส. วันแรก 1.26 ล้านบัญชี จากจำนวนบัญชีที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 5.4 ล้านบัญชี ระบบสามารถทำงานราบรื่นทั้ง 165 ไฟล์ โดยธ.ก.ส.จะยังให้บริการประชาชนกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาทต่อไปอีก 3 วันคือ วันที่ 26, 27 และ 30 กันยายน

เงินเข้าแล้ว!ชาวบ้านแห่กดหน้าแบงก์คึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าธนาคารรัฐทั้ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศคึกคักตั้งแต่เช้าและตลอดทั้งวัน เนื่องจากวันนี้วันแรกที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ซึ่งเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ และบัญชีธนาคารตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมากับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ ทำให้ช่วงเช้าวันนี้ มีผู้ถือบัตรคนจนและคนพิการมาต่อแถวตรวจสอบยอดเงินหน้าตู้เอทีเอ็ม และติดต่อถอนเงินจากเคาท์เตอร์ธนาคารจำนวนมาก ที่จ.เลย นางจีรภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ชาวตำบลชัยพฤกษ์ อ.เมือง ซึ่งเป็นผู้ดูแลคนพิการ 2 รายตื่นแต่เช้าตรู่ไปตรวจสอบเงิน 10,000 บาท พบว่าเงินเข้าแล้ว และได้กดเงิน 2,000 บาทไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมระบุว่า เป็นโครงการที่ดีมากสำหรับคนพิการ

ขอบคุณรบ.ไม่ทอดทิ้ง-ลดภาระได้เยอะ

เช่นเดียวกับ ที่จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์หน้าตู้กดเงินและตู้ปรับสมุดบัญชีธนาคาร ของธนาคาร ธกส.สาขาอำเภอเมืองศรีสะเกษ มีผู้ถือบัตรมาต่อแถวกดเงินและปรับสมุดจำนวนมาก ส่วนในธนาคารมีชาวบ้านจำนวนมากมารอรับบัตรคิว เข้าไปเบิกเงินกับธนาคาร สอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่บอกตรงกันว่า ดีใจมาก ขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยเหลือ ไม่ทอดทิ้ง จะนำเงินนี้ไปซื้อข้าวซื้อนมให้บุตรหลาน โครงการนี้ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวของตนไปได้เยอะ ตนจะใช้เงินให้มีคุณค่ามากที่สุด และพ่อค้าแม่ค้าระบุว่า จะนำเงินไปต่อยอดทำมาหากินเปิดร้านขายอาหาร ขอบคุณทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ และมีบางคนนำเงินไปใช้หนี้

เช่นเดียวกับ ที่จ.มุกดาหาร หน้าธนาคาร ธกส.สาขามุกดาหาร ถนนชยางกูร อ.เมือง ตั้งแต่เช้าตรู่ ประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการมาจองคิวกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มที่ได้รับเงิน

ยายหอบเงินหมื่นซื้อข้าวสาร1กระสอบ

ขณะที่บรรยากาศร้านข้าวสารแห่งหนึ่งใน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ หลังชาวบ้านกดเงินหมื่นได้แล้วก็นำไปซื้อข้าวสารสินค้าอุปโภคบริโภค คุณยายสุพี (สงวนนามสกุล)บอกว่า จริงแล้วเงินจำนวนนี้อยากกอดไว้สักคืน 2 คืน ไม่เอาไปใช้ แต่เพราะข้าวสารเป็นสิ่งจำเป็น จึงตัดสินใจเอาเงินมาซื้อตุนไว้ก่อน และแต่ก่อนเคยซื้อแค่ไม่มาก แต่ตอนนี้ซื้อเป็นกระสอบ ส่วนเงินที่เหลือจะเก็บไว้ใช้อย่างประหยัด ขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยเหลือคนจน


ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า


 

ขั้นตอน ลงทะเบียน แอปทางรัฐ เงินดิจิทัล 10,000 บาท

 

ริ่มเปิดลงทะเบียน "เงินดิจิทัล 10,000 บาท" รับสิทธิผ่านแอปทางรัฐ เริ่มวันที่ 1 สิงหา 2567 ถึง 15 กันยา 2567

ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท กระทรวงการคลังได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า การลงทะเบียนเงินดิจิตอล 10,000 บาท ผ่านแอปทางรัฐ ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 32 ล้านคน ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567 และเริ่มแจกเงินเพื่อใช้จ่ายในไตรมาส 4 ในปีเดียวกันนี้

ล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 17 ก.ย. 2567 เพื่อนำเงินจากงบประมาณ 1.4 แสนล้านบาท มาแจกให้กลุ่มเปราะบางกว่า 14 ล้านคนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ 

แอปทางรัฐ คืออะไร

ทางรัฐ คือ แอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐแบบครบวงจร เปิดใช้ตั้งแต่ปี 2564 รวบรวมบริการต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล สาธารณูปโภค การศึกษา สวัสดิการ ที่อยู่อาศัย กฎหมาย เครดิตบูโร ข้อมูลภาครัฐ และยานพาหนะ ไว้ในแอปเดียว



คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

  • อายุ 16 ปีบริบูรณ์ ภายในวันที่ 30 ก.ย. 67 (ต่อให้เด็กมีอายุ 16 ปีขึ้นไป แต่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาทขึ้นไป แม้จะเป็นเงินที่พ่อแม่ออมให้ลูกก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ เพราะเป็นผู้มีรายได้ อีกทั้งเกณฑ์เงินฝากในบัญชีระบุไว้ชัดเจนว่า หากเกิน 500,000 บาท ถูกตัดสิทธิ์)
  • เกณฑ์รายได้วัดจากฐานข้อมูลเงินได้ของกรมสรรพากร ณ ปี 2566 ซึ่งสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 ธ.ค. 66 กำหนดว่าจะต้องไม่เกิน 840,000 บาท หรือมีเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท
  • เกณฑ์เงินฝากกำหนดไม่เกิน 500,000 บาท นับเฉพาะเงินฝากสกุลบาท รวมกันทุกบัญชี ทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เช่น
    • บัญชีเงินฝากประจำ
    • บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
    • บัตรเงินฝาก
    • ใบรับเงินฝาก
    • เงินฝากกระแสรายวัน

ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์สลากออมสิน หุ้น พันธบัตร โดยนับวันสิ้นสุด 31 มี.ค. 67




ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวันไหน ?

ประชาชนทั่วไป

  • วันที่ : 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567
  • ลงทะเบียนเงินดิจิทัลผ่าน : แอปพลิเคชัน "ทางรัฐ"

กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน

  • วันที่ : 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567
  • กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้ที่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน, ที่ทำการไปรษณีย์, ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567 โดยต้องนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตน

กลุ่มเปราะบาง ต้องลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลหรือไม่ ?

กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน และผู้พิการ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาทผ่านระบบออนไลน์อีกครั้ง เพราะทางรัฐบาลจะโอนเงินเข้าสู่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนของกลุ่มเปราะบางโดยตรงอยู่แล้ว​

เงินดิจิทัลได้วันไหน?

โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท คาดว่าจะเริ่มโอนเงินให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2567 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หลังการประชุม ครม. และการแถลงนโยบายในวันที่ 12-13 กันยายน 2567 เพื่อยืนยันวันแจกที่แน่นอน

ขั้นตอนการลงทะเบียน และยืนยันตัวตนผ่านแอป "ทางรัฐ" แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 

  • กลุ่มที่ 1 คือ การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอป "ทางรัฐ" ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 

  • กลุ่มที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ มาก่อน แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งหลังจากวันที่ 1 สิงหาคม 2567 - 15 กันยายน 2567 จึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ อีกครั้ง

วิธียืนยันตัวตน ลงทะเบียนเงินดิจิทัล ผ่านแอปทางรัฐ 

  1. ดาวน์โหลดแอปฯ "ทางรัฐ"
  2. เปิดแอปฯ ทางรัฐ แล้วกด "ลงทะเบียนรับสิทธิ"
  3. อ่านเงื่อนไขและกด "ถัดไป"
  4. ยอมรับข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวของโครงการและแอป
  5. กรอกเลขบัตรประชาชนและเลขหลังบัตร แล้วกด "ตรวจสอบข้อมูล"
  6. กรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง แล้วกด "ดำเนินการต่อ"
  7. อ่านข้อแนะนำ และ สแกนใบหน้า
  8. ระบบจะแสดงผลการรับข้อมูลการลงทะเบียนและตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล
  9. เมื่อระบบตรวจสอบเสร็จ กด "สร้างบัญชีทางรัฐ"
  10. ตั้งชื่อบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน กด "ยืนยัน"
  11. ตั้งรหัส Pin Code 6 หลัก











ที่มา: เว็บสนุกและทางรัฐ