การปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ชายแดนด้านภูมะเขือกับปราสาทพระวิหารในวันศุกร์ สภาพการณ์โดยทั่วไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว สองฝ่ายใช้อาวุธหนักเข้ายิงถล่มเป็นครั้งแรก
ต่างไปจากการปะทะครั้งแรกที่ในเดือน ต.ค.2551 ภาพถ่ายจากพื้นที่เปิดเผยให้เห็นความลุกลี้ลุกลนของทหารกัมพูชาที่หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า เดินเท้าเข้าชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร บ้างก็แบกหามถุงข้าวสารอาหารแห้ง บางคนแบกขาวัวที่ชำแหละแล้วไปด้วย
บางภาพยังเปิดเผยให้เห็นทหารกัมพูชานำปืนกลออกมาแยกชิ้นชะโลมล้างและขัดสนิมออก เพื่อนำกลับไปใช้การที่แนวหน้าอีก ไกลออกไปกองกำลังที่ถูกส่งไปเสริมที่แนวปะทะ ยังเคลื่อนผ่าน จ.พระวิหาร ในยานลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นเก่าคันเล็ก ขณะที่รถบรรทุกจรวดซัด BM-23 แล่นห้อเข้าพื้นที่ชายแดนส่งฝุ่นคละคลุ้ง
วันศุกร์ที่ผ่านมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ภาพของสำนักข่าวในกรุงพนมเปญ ได้เปิดเผยให้เห็นการเคลื่อนรถถัง T-55 รุ่นใหม่ ที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนเข้าไปยังบริเวณชายแดนด้วย รถถังจำนวน 55 คัน ส่งถึงท่าเรือสีหนุวิลล์กัมพูชาปลายปีที่แล้ว พร้อมกับยานลำเลียงพลหุ้มเหราะ BTR-60 อีก 54 คัน กับยานลำเลียงอื่นๆ รวมประมาณ 100 คันในลอตเดียวกัน
ในเช้าวันเสาร์ 5 ก.พ.นี้ สำนักข่าว Cambodia Express News ได้เผยภาพรถถังที่ผลิตในรัสเซียหมายเลข 20483 กำลังปฏิบัติการในพื้นที่ๆ ไม่มีการระบุ อีก 2 คันจอดซุ่มอยู่ข้างทางดินในเขตป่าเขา คันข้างหน้าเป็นหมายเลข 20476 เป็นรถถังรุ่นเดียวกับที่ส่งถึงท่าเรือสีหนุวิลล์ในวันที่ 20 ก.ย.2553 โดยมีหมายเลขบ่งชี้
รถถัง T-54/T-55 พัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดติดเครื่องยนต์ดีเซล วี12 นาด 38.88 ลิตรแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 55 กม./ชม. เมื่อบรรทุก มีรัศมีปฏิบัติการ 501-600 กม. สร้างชื่อเสียงในเรื่องความคล่องตัวในการปฏิบัติการอย่างคล่องแคล่ว ได้รับความนิยมสูงสุดในค่ายโซเวียตในอดีต มีการผลิตออกมาใช้งานราว 100,000 คัน
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Russia Defense รถถัง T-55 หุ้มเกราะหนา 200-203 มม. มีปืน 100 ม.เป็นอาวุธหลัก และ ติดปืนกลได้หลายรุ่น
อย่างไรก็ตาม ในสงครามยุคใหม่ โอกาสที่จะเกิดการสู้รบหรือการพันตูด้วยยานเกราะ แบบที่เห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวูด รวมทั้งเรื่อง Battle of the Bulk และ Patton แทบจะไม่มีแล้ว รถถังทำหน้าที่สำคัญสนับสนุนการรบของทหารราบ
แต่ขณะเดียวกันก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาวุธต่อต้านสมัยใหม่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธที่ยิงจากพื้น หรือยิงจากอากาศ และ กองทัพไทยมีเขี้ยวเล็บทันสมัยพวกนั้นพร้อมทั้งหมดแล้ว
ต่างไปจากการปะทะครั้งแรกที่ในเดือน ต.ค.2551 ภาพถ่ายจากพื้นที่เปิดเผยให้เห็นความลุกลี้ลุกลนของทหารกัมพูชาที่หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า เดินเท้าเข้าชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร บ้างก็แบกหามถุงข้าวสารอาหารแห้ง บางคนแบกขาวัวที่ชำแหละแล้วไปด้วย
บางภาพยังเปิดเผยให้เห็นทหารกัมพูชานำปืนกลออกมาแยกชิ้นชะโลมล้างและขัดสนิมออก เพื่อนำกลับไปใช้การที่แนวหน้าอีก ไกลออกไปกองกำลังที่ถูกส่งไปเสริมที่แนวปะทะ ยังเคลื่อนผ่าน จ.พระวิหาร ในยานลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นเก่าคันเล็ก ขณะที่รถบรรทุกจรวดซัด BM-23 แล่นห้อเข้าพื้นที่ชายแดนส่งฝุ่นคละคลุ้ง
วันศุกร์ที่ผ่านมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ภาพของสำนักข่าวในกรุงพนมเปญ ได้เปิดเผยให้เห็นการเคลื่อนรถถัง T-55 รุ่นใหม่ ที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนเข้าไปยังบริเวณชายแดนด้วย รถถังจำนวน 55 คัน ส่งถึงท่าเรือสีหนุวิลล์กัมพูชาปลายปีที่แล้ว พร้อมกับยานลำเลียงพลหุ้มเหราะ BTR-60 อีก 54 คัน กับยานลำเลียงอื่นๆ รวมประมาณ 100 คันในลอตเดียวกัน
ในเช้าวันเสาร์ 5 ก.พ.นี้ สำนักข่าว Cambodia Express News ได้เผยภาพรถถังที่ผลิตในรัสเซียหมายเลข 20483 กำลังปฏิบัติการในพื้นที่ๆ ไม่มีการระบุ อีก 2 คันจอดซุ่มอยู่ข้างทางดินในเขตป่าเขา คันข้างหน้าเป็นหมายเลข 20476 เป็นรถถังรุ่นเดียวกับที่ส่งถึงท่าเรือสีหนุวิลล์ในวันที่ 20 ก.ย.2553 โดยมีหมายเลขบ่งชี้
รถถัง T-54/T-55 พัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดติดเครื่องยนต์ดีเซล วี12 นาด 38.88 ลิตรแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 55 กม./ชม. เมื่อบรรทุก มีรัศมีปฏิบัติการ 501-600 กม. สร้างชื่อเสียงในเรื่องความคล่องตัวในการปฏิบัติการอย่างคล่องแคล่ว ได้รับความนิยมสูงสุดในค่ายโซเวียตในอดีต มีการผลิตออกมาใช้งานราว 100,000 คัน
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Russia Defense รถถัง T-55 หุ้มเกราะหนา 200-203 มม. มีปืน 100 ม.เป็นอาวุธหลัก และ ติดปืนกลได้หลายรุ่น
อย่างไรก็ตาม ในสงครามยุคใหม่ โอกาสที่จะเกิดการสู้รบหรือการพันตูด้วยยานเกราะ แบบที่เห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวูด รวมทั้งเรื่อง Battle of the Bulk และ Patton แทบจะไม่มีแล้ว รถถังทำหน้าที่สำคัญสนับสนุนการรบของทหารราบ
แต่ขณะเดียวกันก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาวุธต่อต้านสมัยใหม่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธที่ยิงจากพื้น หรือยิงจากอากาศ และ กองทัพไทยมีเขี้ยวเล็บทันสมัยพวกนั้นพร้อมทั้งหมดแล้ว
เจ้าหมายเลข 20483 มาทำเก๊กหล่ออยู่พื้นที่แถวชายแดนไทยในวันศุกร์ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซีเรียลนัมเบอร์ของมันบอกให้รู้ว่ามาไกลจากสาธารณรัฐยูเครน ส่งถึงท่าสีหนุวิลล์ในปลายเดือน ก.ย.ปีที่แล้วจากทั้งหมด 55 คัน ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ BRT-60 อีกกว่า 40 คัน ปะทะชายแดนครั้งนี้กัมพูชาพร้อมเต็มกำลัง ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.--ภาพ: CEN.
หมาเยลข 20473 ถูกนำขึ้นจากเรือที่ท่าสีหนุวิลล์ในวันที่ 20 ก.ย.2553 ไปถึงที่นั่น 1 วันก่อนหน้านั้นเป็นซีเรียลเดียวกับเจ้า 20483 ที่ไปเก๊กหล่อแถวชายแดนไทยในวันศุกร์ 4 ก.พ.2554 ในภาพที่สำนักข่าวภาษาเขมรนำออกเผยแพร่.--AFP PHOTO/Narinder Nanu.
เจ้าตัวนี้ 20476 ส่วนคันหลังดูตัวเลขไม่ออกเพราะอยู่ไกลเกินไป แต่ทั้งหมดเป็นลอตเดียวกันจากสาธารณรัฐยูเครน ที่ส่งถึงท่าเรือสีหนุวิลล์เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ปะทะคราวนี้ฝ่ายเขมรไม่ธรรมดา.--ภาพ: CEN.